วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Week9:หัวข้อที่นักเรียนสนใจ

Week9:หัวข้อที่นักเรียนสนใจ

คิเทเระสึ เจ้าหนูนักประดิษฐ์



    นักประดิษฐ์รุ่นจิ๋ว (ญี่ปุ่น: キテレツ大百科 Kiteretsu Daihyakka ) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ "ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะ" ต่อมาได้ถูกนำไปสร้างเป็นอะนิเมะ และละครโทรทัศน์

ในประเทศไทย คิเทเระสึ เจ้าหนูนักประดิษฐ์ ฉบับอะนิเมะ เคยออกอากาศทาง ช่อง 5 ในปี พ.ศ. 2532 โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า "เออิชิสมองกล" ต่อมาทาง ช่อง 9 ก็นำมาออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เมื่อปี พ.ศ. 2539 และวันพุธช่วงเย็น เมื่อปี พ.ศ. 2544 ในชื่อว่า "คิเทเรสึ เจ้าหนูนักประดิษฐ์" 

ในปีพ.ศ. 2551 Tiga ได้ทำ VCD จำหน่ายภายได้ชื่อ เจ้าหนูนักประดิษฐ์


ตัวละคร

-คิเทะ เออิจิ (คิเทเรสึ)
-โคโรสุเกะ
-มิโยโกะ โนโนกะ
-โคจิ (ทงการิ)
-คุมาดะ คาโอรุ (บูตะ กอริล่า)
-คุณเบนโซ
-คุณพ่อ
-คุณแม่


เนื้อเรื่อง

เออิชิ เด็กหนุ่มผู้รักการประดิษฐ์เป็นชีวิตจิตใจจนได้รับฉายาว่า "คิเดเรส" ได้ค้นพบตำราเก่าแก่ของ คิเดเรส ซาย บรรพบุรุษนักประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกที่เขาได้ประดิษฐ์ขึ้นจากตำราของ คิเดเรส ซาย คือหุ่นยนต์แสนรู้ ซึ่งได้ตั้งชื่อมันว่า โกโรสุเกะ เออิชิได้ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์มากมายหลายอย่างจากตำราเล่มนี้ซึ่งนำพาไปสู่การผจญภัยมากมายอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน

คิเทเระสึมีทั้งสิ้น52ตอนได้แก่

ตอนที่ 01 กระผมชื่อโกโรสุเกะขอรับ / แคปซูลดำดินมหาสมบัติ
ตอนที่ 02 คุณเบนโซผู้อาภัพรัก / สร้างคณะละครสัตว์
ตอนที่ 03 ท่องไปถึงดวงจันทร์ด้วยจรวดทำมือ
ตอนที่ 04 มืดตึ๊ดตื๋อ น่ากลัวจังเลย / ลูกอมระบายแค้น
ตอนที่ 05 ทางลัดเท็นกุ
ตอนที่ 06 การกลับมาของหุ่นนักรบซามูไร / ไฟฉายย่อส่วน
ตอนที่ 07 บ้านเล่นขายของ / หมวกขี้ลืม
ตอนที่ 08 บูตะกอริล่าจอมมารจากอวกาศ / วิ่งเล่นในเมืองจิ๋ว
ตอนที่ 09 กล้องบันทึกอดีต / โกโรสุเกะดวลเดือดกับหุ่นยนต์สืบหาข่าว
ตอนที่ 10 โกโรสุเกะกับเบบี้ไดโนเสาร์ ผจญภัยในทะเลแดนใต้
ตอนที่ 11 ก๊อปปี้มนุษย์ด้วยเครื่องแยกร่าง / โกโรสุเกะไปโรงเรียน
ตอนที่ 12 สบายๆกับเครื่องหยุดเวลา / เล่นน้ำซะฉ่ำใจไปเลย
ตอนที่ 13 บ้านหรูบนก้อนเมฆ
ตอนที่ 14 โคมไฟควบคุมความประพฤติ / โคมโบตั๋นเรียกผี
ตอนที่ 15 หุ่นบอดี้การ์ด / ฟองสบู่ขนาดจัมโบ้
ตอนที่ 16 วันคุณพ่อไปเยี่ยมโรงเรียน / แข่งเบสบอลพ่อลูก
ตอนที่ 17 ทงการิผู้น่าสงสาร / บุคคลที่โลกลืม
ตอนที่ 18 ปิดเทอมที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้ ได้ไปเจอเอดิสันมาด้วย
ตอนที่ 19 ดินน้ำมันน้ำ / ไต้ฝุ่นกับเทศกาลหน้าร้อน
ตอนที่ 20 แผนที่เพิ่มพลัง ให้โกโรสุเกะ
ตอนที่ 21 วิ่งเลยพวกเราแค่ 42,195 กิโล!!
ตอนที่ 22 ใครจะเป็นนักกีฬายอดเยี่ยมในงานกีฬาสี
ตอนที่ 23 ผงปรุงเปลียนรสชาด / หูฟังภาษาสัตว์
ตอนที่ 24 โคมไฟทำให้สอบได้ 100 คะแนนเต็ม / โกโรสุเกะมีความรัก
ตอนที่ 25 ปีศาจโดเต้คาโบจัง
ตอนที่ 26 ตราโคมง สั่งการได้ทุกอย่าง
ตอนที่ 27 ความพยายามอยุ่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ตอนที่ 28 เครื่องยืดขนาด / โกโรสุเกะไปดูตัว
ตอนที่ 29 สำรวจใต้ดิน หาแหล่งน้ำพุร้อน
ตอนที่ 30 มิตรภาพของโกโรสุเกะและลิงกอริล่า
ตอนที่ 31 อุราชิม่าทาโร่ นายคือซูเปอร์สตาร์
ตอนที่ 32 ท่านคิเท็นเร็ทไซ
ตอนที่ 33 เจอตัวซานตาคลอส
ตอนที่ 34 มิโยะจัง ดูดวงเจ้าบ่าวในอนาคต
ตอนที่ 35 เรื่องลี้ลับในหิมะ
ตอนที่ 36 บูตะกอริล่าฝึกเล่นสเก็ต / แข่งว่ายน้ำกลางฤดูหนาว
ตอนที่ 37 ระวังกันให้ดี! เด็กหญิงจอมป่วนผู้สะพายเป้สีแดง
ตอนที่ 38 แต่งงานกับเจ้าชาย!? เจ้าหญิงมิโยโกะ
ตอนที่ 39 เดินทางสู่ดินแดนทางเหนือด้วยรถไฟ โฮคุโตเซย์
ตอนที่ 40 โกโรสุเกะกลายเป็นคนฉลาด
ตอนที่ 41 คู่หมั้นของนายนัอยโกโรสุเกะ
ตอนที่ 42 จดหมายเชืญจากไดโนเสาร์ ขอเชิญมาเที่ยวดินแดนใต้
ตอนที่ 43 บูตะกอริล่า ชอบผู้หญิงอายุแก่กว่า?
ตอนที่ 44 เขาวงกตมหาสนุก ตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลย
ตอนที่ 45 ถามหาผีเสื้อสีทอง
ตอนที่ 46 ผักเลียนเสียงช่วยเพิ่มยอดขาย
ตอนที่ 47 วุ่นกันไปใหญ่ เจ้าหญิงโอโต มีบุญคุณกับนกกระเรียน
ตอนที่ 48 วิธีสร้างแผ่นดินไหว / บ้านแห่งความหลัง ช่วยให้คืนดีกัน
ตอนที่ 49 ลงคะแนนเลือกหัวหน้าห้อง
ตอนที่ 50 จริงน่ะ? บูตะกอริล่าน่ะเหรอเกลียดผัก
ตอนที่ 51 การผจญภัยตามหาภูเขาทองคำ
ตอนที่ 52 คุณครูชิราโตริคนสวย ห้องปี 5/3

ขอให้ทุกคนสนุกกับการดูการ์ตูนนะครับ

Week7:คอมพิวเตอร์และ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์และ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

       
      ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้"เครือข่ายนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่อง เพื่อใช้งานในบ้านหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน Home Network หรือเครือข่ายภายในบ้าน ซึ่งเป็นระบบ LAN ( Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มาเชื่อมต่อกันในบ้าน สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ เช่น


1. LAN (Local Area Network) 


http://www.bbc.co.uk/schools/gcsebitesize/ict/datacomm/2networksrev1.shtml

      ระบบเครื่องข่ายท้องถิ่น เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ คือจะเป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคาร ในระยะใกล้ๆพัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกิดจากการเชื่อมต่อเทอร์มินอล (Terminal)เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม (Mainfram Computer) หรือเชื่อมต่อกับมินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ซึ่งการควบคุมการสื่อสารและการประมวลผลต่างๆจะถูกควบคุมและดำเนินการโดยเครื่องเมนเฟรมหรือมินิคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจเรียกอีกอย่างว่าโฮสต์ (Host) โดยมีการเชื่อมโยงระหว่างโฮสต์กับเทอร์มินอล ส่วนเทอร์มินอลทำหน้าที่เป็นเพียงจุดรับข้อมูล และ แสดงข้อมูลเท่านั้น

2. MAN (Metropolitan Area Network) 

https://sangsuriyokkw.wordpress.com/category/งาน/บทที่-2-อุปกรณ์เครือข่าย/


      ระบบเครือข่ายเมือง เป็นเน็ตเวิร์กที่จะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นการติดต่อกันในเมือง เช่น เครื่องเวิร์กสเตชั่นอยู่ที่สุขุมวิท มีการติดต่อสื่อสารกับเครื่องเวิร์กสเตชั่นที่บางรัก

3. WAN (Wide Area Network) 


http://www.bbc.co.uk/schools/gcsebitesize/ict/datacomm/2networksrev1.shtml


      ระบบเครือข่ายกว้างไกล หรือเรียกได้ว่าเป็น World Wide ของระบบเน็ตเวิร์ก โดยจะเป็นการสื่อสารในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลก จะต้องใช้มีเดีย(Media) ในการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย (คู่สายโทรศัพท์ dial-up / คู่สายเช่า Leased line / ISDN) (lntegrated Service Digital Network สามารถส่งได้ทั้งข้อมูล เสียง และภาพในเวลาเดียวกัน)ระบบเครือข่ายระยะไกล หรือ Wide Area Network เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง โดยมีการส่งข้อมูลในลักษณะเป็นแพ็คเก็ต (Packet) ซึ่งต้องเดินทางจากเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง แพ็กเก็ตนี้ถูกส่งจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง โดยมีสายสื่อสารหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นในการเชื่อมต่อถึงกันในลักษณะเป็นลูกโซ่ หรือเป็นทอดๆอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างทางแต่ละตัวจะรับข้อความนั้นเก็บจำเอาไว้ และส่งต่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ถัดไปในเส้นทางที่สะดวก 

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week8:รีวิวแอพพลิเคชัน

Sound Hound

ความสามารถของแอพนี้ทำให้เพื่อนๆต้องตกใจเพราะเพียงแค่เปิด app และปล่อยให้มันฟังเพลงที่เพื่อนๆอยากรู้สักพัก 
 
ขอขอบคุณรูปภาพจากhttp://droidsans.com/shazam-soundhound-android-music-search

มันจะบอกได้ทัตนทีว่าเพลงนั้นๆมันคือเพลงอะไร
App. Soundhound เป็นแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนทั่วไป เป็น App. ที่ใช้ค้นหาเพลง เช่น เวลาเราไปร้านกาแฟหรือไปเที่ยวผับ แล้วบังเอิญเขาเปิดเพลงที่เราชอบแต่เราดันไม่รู้ชื่อเพลง แถมยังร้องเพลงภาษาอังกฤษไม่ได้อีก เจ้า App. ตัวนี้ช่วยได้ครับ เพียงเข้าไปดาวโหลดแอพSoundhound มาไว้ในสมาร์ทโฟน(ใช้ได้ทั้งระบบ IOS และ android) แล้วก็เริ่มการใช้งานครับ

 ขอขอบคุณรูปภาพจากhttp://droidsans.com/shazam-soundhound-android-music-search

เมื่อคุณเปิด App. Soundhound เข้ามาแล้ว ก็จะพบหน้าแรกของApp. ครับ และเมื่อเพื่อนๆได้ยินหรือได้ฟังเพลงที่เพื่อนๆชื่นชอบแล้ว ให้คุณแตะที่ แถบสีส้มๆด้านบนที่เขียนว่า Soundhound ครับแล้วเอาไปไว้ใกล้ๆต้นเสียง 
 
 ขอขอบคุณรูปภาพจากhttp://droidsans.com/shazam-soundhound-android-music-search

ลำดับต่อมา App.ก็จะทำการหาเพลงที่มันได้ยินหรือแม้แต่เสียงฮัมของเราครับ ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 10 วินาที App. ก็จะประมวลผลให้ครับ ว่ามันคือเพลงอะไร

 ขอขอบคุณรูปภาพจากhttp://droidsans.com/shazam-soundhound-android-music-search
 
เมื่อได้แล้ว โปรแกรมก็จะแสดงชื่อเพลงที่เราต้องการครับ สามารถดาวน์โหลดใน Itune หรือจะแคปเจอร์หน้าจอไว้แล้วเอามาหาโหลดในคอมก็ได้นะครับ แล้วแต่เพื่อนๆสะดวก ขอให้มีความสุขกับเพลงครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week6: ข้อสอบOnetคอมพิวเตอร์ปี2553

Week6: ข้อสอบOnetคอมพิวเตอร์ปี2553

1.ข้อใดไม่ใช่ระบบปฏิบัติการที่นำมาใช้บนอุปกรณ์พกพา
ประเภท  Smartphone.
1.  Ubumtu       2.  Iphone  os
3.  Android      4.  Symbian
เฉลยข้อ  1 เพราะ เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิดซึ่งมีพื้นฐานบนลินุกซ์ดิสทริบิวชันที่พัฒนาต่อมาจากเดเบียน การพัฒนาสนับสนุนโดยบริษัท Canonical Ltd


2.ไฟล์ประเภทใดในข้อต่อไปนี้เก็บข้อมูลในลักษณะตัวอักษร.
1.  ไฟล์เพลง  MP 3 (mp 3)
2.  ไฟล์รูปประเภท  JPEG (jpeg)
3.  ไฟล์แสดงผลหน้าเว็บ (html)
4.  ไฟล์วีดีโอประเภท  Movie (movie)


เฉลยข้อ  3 เพราะ  HTML (เอชทีเอ็มแอล - เป็นคำย่อจากคำขึ้นต้นของ Hypertext Markup Language) เป็นภาษามาร์กอัปหลักในปัจจุบันที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งตัวโค้ดจะแสดงโครงสร้างของข้อมูล ในการแสดง หัวข้อ ลิงก์ ย่อหน้า รายการ รวมถึงการสร้างแบบฟอร์ม เชื่อมโยงภาพหรือวิดีโอด้วย โครงสร้างของโค้ดเอชทีเอ็มแอลจะอยู่ในลักษณะภายในวงเล็บสามเหลี่ยม 

3.ลิขสิทธิ์โปรแกรมประเภทรหัสเปิด(Open Source)อนุญาต
ให้ผู้ใช้ทำอะไรได้บ้าง.
ก.  นำโปรแกรมมาใช้งานโดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์
ข.  ทดลองใช้โปรแกรมก่อนถ้าพอใจจึงจ่ายค่าลิขสิทธิ์
ค.  แก้ไขปรับปรุงโปรแกรมเองได้
1.  ข้อ  ก กับ  ข้อ  ค      2.  ข้อ  ข  กับ  ข้อ  ค
3.  ข้อ  ข  อย่างเดียว     4.  ข้อ  ก  อย่างเดียว


เฉลยข้อ  1 เพราะ ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ คือ ซอฟต์แวร์ที่เปิดแผยหลักการหรือแหล่งที่มาของเทคโนโลยีของซอฟต์แวร์นั้นให้บุคคลภายนอกได้ใช้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทำการแก้ไข ดัดแปลงและเผยแพร่ซอร์สโค้ดได้

4.ข้อใดเป้นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมื่อค้นคว้า
หาข้อมูลจากอินเทอร์เนตมาทำรายงาน.
1.  คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์
2.  ใช้เนื้อหาจากกระดานสนทนา(Web board)มาใส่ในรายงาน
3.  นำรูปภาพจากเว็บไซต์มาใส่ในรายงาน
4.  อ้างอิงชื่อผู้เขียนบทความ


เฉลยข้อ  4 เพราะ


5.ข้อใดเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายทั้งหมด.
1.  Wi-Fi  ,  IP              2.  Wi-Fi  ,Bluetooth
3.  3G  ADSL                4.  3G    Ethernet

เฉลยข้อ  2

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week5: หัวข้อที่นักเรียนสนใจ

ยาแก้ไอมะกรูด


วิธีทำ
1.หามะกรูดแก่จัดแต่ผิวเขียวไม่เหลือง เพราะจะมีน้ำเยอะ 
2.นำมาล้างและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆเอาเมล็ดออกด้วย
3.นำมะกรูดที่หั่นแล้วมาใส่ในโหลแก้วให้เหลือพื้นที่ด้านบนซักหน่อย
4.เติมน้ำตาลแดงกลบตรงที่เหลือไว้ตรงด้านบนของโหล ประมาณมะกรูด 3ส่วน ต่อน้ำตาลแดงส่วน และไม่ต้องเติมน้ำใดๆทั้งสิ้นเพราะน้ำตาลจะค่อยๆดึงวิตามินและสารสำคัญที่มีประโยชน์ทั้งหมดออกมาจากมะกรูดเอง
5.ปิดฝาเก็บไว้หนึ่งเดือน เมื่อครบ1เดือนก็จะได้น้ำหมักมะกรูด ไว้เป็นยาแก้ไอจากธรรมชาติแล้ว

วิธีเก็บรักษา
สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า15องสาเซลเซียสได้ประมาณ3เดือน

หลังจากใช้จนเหลือกากมะกรูด
กากมะกรูดนี้สามารถนำมาหมักใหม่ได้ถึง3ครั้งโดยการนำมะกรูดที่เหลือมาใส่น้ำตาลหมักในอัตราส่วนเท่ากัน หมักไปเรื่อยจนครบสามครั้ง และในครั้งสุดท้ายที่เราได้นำน้ำมะกรูดออกแล้ว สามารถนำกากมะกรูดมาเติมนำ้ตาลทรายแดงและน้ำผึ้งในอัตราส่วน น้าตาล2ส่วนนำ้ผึ้ง1ส่วน ปิดโหลแล้วทิ้งไว้หนึ่งอาทิตย์ แล้วนำออกมาใส่ถุงพลาสติกสะอาดหนาๆแล้วกลิ้งบดทับด้วยแก้วกลมๆ จนเนื้อเนียนละเอียดแล้วตักเก็บใส่ขวดแก้วเล็กไว้ สามารถนำมาชงเป็นชามะกรูดหอมน้ำผึ้งที่หอมกรุ่นได้


วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week4:ภาษาคอมพิวเตอร์C


โครงสร้างโปรแกรมภาษาซี


ขอบคุณรูปภาพจากhttp://devcbytonfern.blogspot.com/

โครงสร้างของโปรแกรมภาษาซีแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

1. ส่วนหัวของโปรแกรม

         ส่วนหัวของโปรแกรมนี้เรียกว่า Preprocessing Directive ใช้ระบุเพื่อบอกให้คอมไพเลอร์กระทำงาน  ก่อนการแปลผลโปรแกรม ในที่นี่คำสั่ง #include <stdio.h> ใช้บอกกับคอมไพเลอร์ให้นำเฮดเดอร์ไฟล์ที่ระบุ คือ stdio.h เข้าร่วมในการแปลโปรแกรมด้วย โดยการกำหนด preprocessing directives นี้จะต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย # เสมอ

คำสั่งที่ใช้ระบุให้คอมไพเลอร์นำเฮดเดอร์ไฟล์เข้าร่วมในการแปลโปรแกรม สามารถเขียนได้ 2 รูปแบบ คือ

- #include <ชื่อเฮดเดอร์ไฟล์> คอมไพเลอร์จะทำการค้นหาเฮดเดอร์ไฟล์ที่ระบุจากไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับเก็บเฮดเดอร์ไฟล์โดยเฉพาะ (ปกติคือไดเรกทอรีชื่อ include)

- #include “ชื่อเฮดเดอร์ไฟล์” คอมไพเลอร์จะทำการค้นหาเฮดเดอร์ไฟที่ระบุ จากไดเร็คทอรีเดียวกันกับไฟล์ source code นั้น แต้ถ้าไม่พบก็จะไปค้นหาไดเร็คทอรีที่ใช้เก็บเฮดเดอร์ไฟล์โดยเฉพาะ

2. ส่วนของฟังก์ชั่นหลัก

        ฟังก์ชั่นหลักของภาษาซี คือ ฟังก์ชั่น main() ซึ่งโปรแกรมภาษาซีทุกโปรแกรมจะต้องมีฟังก์ชั่นนี้อยู่ในโปรแกรมเสมอ จะเห็นได้จากชื่อฟังก์ชั่นคือ main แปลว่า “หลัก” ดังนั้น การเขียนโปรแกรมภาษซีจึงขาดฟังก์ชั่นนี้ไปไม่ได้ โดยขอบเขตของฟังก์ชั่นจะถูกกำหนดด้วยเครื่องหมาย { และ } กล่าวคือ การทำงานของฟังก์ชั่นจะเริ่มต้นที่เครื่องหมาย { และจะสิ้นสุดที่เครื่องหมาย } ฟังก์ชั่น main() สามารถเขียนในรูปแบบของ void main(void) ก็ได้ มีความหมายเหมือนกัน คือ หมายความว่า ฟังก์ชั่น main() จะไม่มีอาร์กิวเมนต์ (argument) คือไม่มีการรับค่าใด ๆ เข้ามาประมวลผลภายในฟังก์ชั่น และจะไม่มีการคืนค่าใด ๆ กลับออกไปจากฟังก์ชั่นด้วย

3.ส่วนรายลเอีนดของโปรแกรม
       
เป็นส่วนของการเขียนคำสั่ง เพื่อให้โปรแกรมทำงานตามที่ได้ออกแบบไว้

คอมเมนต์ในภาษาซี
          คอมเมนต์ (comment) คือส่วนที่เป็นหมายเหตุของโปรแกรม มีไว้เพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมใส่ข้อความอธิบายกำกับลงไปใน source code ซึ่งคอมไพเลอร์จะข้ามาการแปลผลในส่วนที่เป็นคอมเมนต์นี้ คอมเมนต์ในภาษาซีมี 2 แบบคือ
¨ คอมเมนต์แบบบรรทัดเดียว ใช้เครื่องหมาย //
¨ คอมเมนต์แบบหลายบรรทัด ใช้เครื่องหมาย /* และ */
ตัวอย่าง การคอมเมนต์ในภาษาซี

// Comment only one line


#include <stdio.h>





วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week3: Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย


    ในปัจจุบันนี้เชื่อว่านักเรียนได้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านทาง Hi-Speed Internet หรือ Wi-Fi ตามบ้าน ที่ทำงาน  หรือใช้ผ่าน 3G 4G บนสมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต พฤติกรรมนักเรีนในการใช้งานอินเทอร์เน็ตแทบจะทุกวันก็คือการใช้งานบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ( Social Network ) จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันไปซะแล้ว
โดยนักเรียนที่ชอบออนไลน์ ส่วนใหญ่จะใช้งาน Social Network ตั้งแต่ตื่นนอน เข้าห้องน้ำ ระหว่างเดินทาง เข้าไปเรียน   ไม่ว่าจะตอนตื่นนอน, เข้าห้องน้ำ, เดินทาง ขณะเรียน  หรือแม้กระทั่งก่อนนอน ก็ยังเช็ค Social Network อยู่ดี
  
     Social Network หรือ เครือข่ายสังคม (ชุมชนออนไลน์) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมลล์ วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก


ตัวอย่าง 4 อันดับSocial media ที่นักเรียนเล่นมากที่สุด


1.FaceBook


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ facebook
ขอบคุณรูปภาพจากhttp://en.barziservice.com/news/find-us-on-facebook.html


2.Line


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ line
ขอบคุณรูปภาพจากhttps://en.wikipedia.org/wiki/Line_(application)


3.Instragram


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Instagram


ขอบคุณรูปภาพจากhttps://play.google.com/store/apps/details?id=com.instagram.android


4.Twitter
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Twitter
ขอบคุณรูปภาพจากhttp://www.fluentu.com/english/blog/practice-english-online/











































วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เรื่องที่นักเรียนสนใจ

วิวัฒนาการของธนบัตรในประเทศไทย

หอยเบี้ย

       ก่อนที่จะมีการนำธนบัตรเข้ามาใช้ร่วมกับเงินตราชนิดอื่น ๆ ในระบบการเงินของประเทศ ชนชาติไทยได้ใช้หอยเบี้ย  ประกับ (ดินเผาที่มีตราประทับ) เงินพดด้วง  ปี้กระเบื้อง  และเหรียญกษาปณ์เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

หมาย 
         
          เป็นกระดาษสีขาวพิมพ์ตัวอักษรและลวดลายด้วยหมึกสีดำ      ประทับตราพระราชสัญลักษณ์ประจำพระราชวงศ์จักรีรูปพระแสงจักร และพระราชลัญจกรประจำพระองค์รูปพระมหาพิชัยมงกุฎ ด้วยสีแดงชาด เพื่อป้องกันการปลอมแปลง



อัฐกระดาษ

       ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๑๕ - ๒๔๑๖ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดปัญหาเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาต่ำซึ่ ในพุทธศักราช ๒๔๑๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้จัดทำเงินกระดาษชนิดราคาต่ำเรียกว่า อัฐกระดาษ ให้ราษฎรได้ใช้จ่ายแทนเงินเหรียญที่ขาดแคลน แต่อัฐกระดาษก็ไม่เป็นที่นิยมใช้เช่นเดียวกับหมาย 




บัตรธนาคาร

          เงินกระดาษชนิดต่อมา คือ บัตรธนาคาร ซึ่งธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศสามธนาคารที่เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย ได้แก่ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ธนาคารชาร์เตอร์แห่งอินเดีย ออสเตรเลีย และจีน และธนาคารแห่งอินโดจีน ได้ขออนุญาตนำบัตรธนาคารออกใช้ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๓๒, ๒๔๔๑, และ ๒๔๔๒ ตามลำดับ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นรัฐบาลประสบปัญหาไม่สามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ได้ทันต่อการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ ​



เงินกระดาษหลวง
            
 ขณะเดียวกันรัฐบาลในสมัยนั้นได้พิจารณาเห็นว่าบัตรธนาคารที่สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศออกใช้อยู่ในขณะนั้น มีลักษณะคล้ายกับเงินตราที่รัฐบาลควรจัดทำเสียเอง ในพุทธศักราช ๒๔๓๓ จึงได้เตรียมการออกตั๋วเงินของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เรียกว่า เงินกระดาษหลวง โดยสั่งพิมพ์จากห้างกีเชคเก้ แอนด์ เดวรีเอ้นท์ (Giesecke & Devrient) ประเทศเยอรมนี



ธนบัตร
      
      จนกระทั่งพุทธศักราช ๒๔๔๕  จึงเข้าสู่วาระสำคัญในการออกธนบัตร กล่าวคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตรา พระราชบัญญัติธนบัตรสยาม รัตนโกสินทรศก ๑๒๑ ขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๕ อีกทั้งโปรดให้จัดตั้ง กรมธนบัตร ในสังกัดกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เพื่อทำหน้าที่ออกธนบัตรและรับจ่ายเงินขึ้นธนบัตร และเปิดให้ประชาชนนำเงินตราโลหะมาแลกเปลี่ยนเป็นธนบัตรตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๕​  จึงนับว่าธนบัตรได้เข้ามามีบทบาทในระบบการเงินของไทยอย่างจริงจังนับแต่นั้นมา






ที่มา
https://www.bot.or.th/Thai/Banknotes/HistoryAndSeriesOfBanknotes/Pages/Evolution_of_Thai_Banknotes.aspx

http://thaibigplaza.com/id-512dcd6a4fba0b367c0017cf.html











วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

   ในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้ชีวิตของมนุษย์ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เสมอ และในบางครั้งคนเราก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไปว่ากำลังใช้และพึ่งพาเทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเราในปัจจุบันล้วนได้รับการพัฒนามาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจนนำมาผลิตเป็นสิ่งของเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์มากมาย และเราได้ใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันจนเกิดความเคยชิน ยกตัวอย่างเช่น

โทรศัพท์มือถือ


โทรศัพท์มือถือ นั้นถูกใช้ในชีวิตประจำวันกันอย่าแพร่หลายในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมากเนื่องจากโทรศัพท์มือถือนั้นสามารถพกพาสะดวก ติดต่อสื่อสาร หาข้อมูล ถ่ายภาพและติดตามข่าวสารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทำให้มือถือนั้นกลายเป็นเทคโนโลยีชนิดหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบันไปแล้ว

คอมพิวเตอร์







    คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก เช่น เก็บข้อมูลงานทะเบียนราษฏฐ์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยซึ่งสามารถตรวจสอบประวัติของบุคคลต่างๆได้ เป็นต้น คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้รวดเร็ว งานบางอย่างคอมพิวเตอร์จะทำได้ในพริบตาในขณะที่ถ้าให้คนทำอาจจะต้องใช้เวลานาน 
คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องหยุดพัก คือทำงานได้ตลอดเวลา ในขณะที่ยังต้องมีไฟฟ้าอยู่ 

ข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

ข้อดี
1.เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและคุณภาพสินค้า
2.เพิ่มผลผลิตของจำนวนสินค้าและบริการ
3.เพิ่มคุณภาพของการบริการบริการลูกค้า
4.ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลผลิตได้รวดเร็ว
5.สามารถสร้างทางเลือกเพื่อแข่งขันกันทางธุรกิจได้
6.สร้างโอกาศทางธุรกิจ

ข้อเสีย
1.การแพร่ภาพาพอนาจารบนเครือข่าย การล่อลวง เกมส์ออนไลน์ เป็นต้น
2.สิ้นเปลืองทรัพยากร เช่น น้ำมัน แก็ส และถ่านหิน จนกระทั้งน้ำ
3.เปลี่ยนสังคมชาวบ้าน ให้กลายเป็นวัตถุนิยม 
4. ทำให้มนุษย์ขาดการออกกำลังกาย
5. ทำให้เกิดปัญหาการว่างงาน เพราะใช้แรงงานเครื่องจักรแทนแรงงานคน
6. ทำให้เสียเวลา ทั้งจากรายการไร้สาระในโทรทัศน์ จนกระทั่งนัก chat
7.หากใช้เว็ปไซด์จำพวก Social Network จะทำให้ผู้ใช้มีโลกเป็นของตนเอง ขาดการติดต่อกับผู้อื่น โดยเฉพาะที่เห็นชัดเจนเกิดช่องว่างระหว่างผู้สูงอายุกับเด็ก

ผลกระทบในทางลบของเทคโนโลยีสารสนเทศ 



    1) ทำให้เกิดอาชญากรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหนทางในการก่ออาชญากรรมได้ โจรผู้ร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการวางแผนปล้น วางแผนโจรกรรม มีการลักลอบใช้ข้อมูลข่าวสาร มีการโจรกรรมหรือแก้ไขตัวเลขบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ การลอบเข้าไปแก้ไขข้อมูลอาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น การแก้ไขระดับคะแนนของนักศึกษา การแก้ไขข้อมูลในโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาพยาบาลคนไข้ผิด ซึ่งเป็นการทำร้ายหรือฆาตกรรมดังที่เห็นในภาพยนตร์

    2) ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว การใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นเกมมีลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง ผลกระทบนี้ทำให้มีความเชื่อว่า มนุษยสัมพันธ์ของบุคคลจะน้อยลง สังคมใหม่จะเป็นสังคมที่ไม่ต้องพึ่งพากันมาก อย่างไรก็ดีได้มีงานวิจัยคัดค้านและแสดงความคิดเห็นที่ว่าเทคโนโลยีได้ช่วยให้มนุษย์มีการติดต่อสื่อสารถึงกันมากขึ้นและความสัมพันธ์ดีขึ้น

    3) ทำให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความวิตกกังวลว่า คอมพิวเตอร์อาจทำให้เกิดการว่าจ้างงานน้อยลง มีการนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในงานมากขึ้น มีระบบการผลิตที่อัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้แรงงานอาจตกงาน หรือหน่วยงานอาจเลิกว่าจ้างได้ โดยความจริงแล้วความคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับบุคลากรบางกลุ่มเท่านั้น แต่ถ้าบุคคลนั้นมีการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี หรือมีการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถสูงขึ้นแล้วปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น

    4) ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุรกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล เช่น ข้อมูลลูกหนี้การค้า ข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ หากเกิดการสูญหายของข้อมูล อันเนื่องมาจากเหตุอุบัติภัย เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือด้วยสาเหตุใดก็ตามที่ทำให้ข้อมูลหายหมด ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง

    5) ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง ประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี สามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสงครามและมีการสูญเสียมากขึ้น

    6) ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด การนำมาใช้ในทางใดจึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้ จริยธรรมการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องสำคัญ ดังเช่นการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีผู้สร้างโฮมเพจหรือสร้างข้อมูลข่าวสารในเรื่องภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น ภาพอนาจาร หรือภาพที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย การดำเนินการเช่นนี้ย่อมขึ้นอยู่กับจริยธรรมของผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีการปลอมแปลงระบบจดหมาย เพื่อส่งจดหมายถึงผู้อื่นโดยมีเจตนากระจายข่าวที่เป็นเท็จ จริยธรรมการใช้งานเครือข่ายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปลูกฝังอย่างมาก

    7) ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนามาก ข้อมูลก็มีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย เทคโนโลยีทำให้ข้อมูลถูกทำลายได้ง่าย อาจจะถูกทำลายด้วยไวรัสคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่สามารถทำสำเนาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ สามารถแพร่ไปยังระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์บางชนิดทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลต่างๆ บางชนิดทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง ผลกระทบต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์และจุดประสงค์ของผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น ว่าต้องการให้โปรแกรมทำงานอย่างไร ทั้งนี้เราก็ควรจะปลูกฝังให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดี ไม่ให้ทำลายข้อมูลผู้อื่น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้


ที่มา
http://my.dek-d.com/hierophant/blog/
http://www.mongkolluck.com/?page_id=541
http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/network/life/
https://sites.google.com/site/2200405natthawut/e-book/--thos-khxng-thekhnoloyi-sarsnthes